ปราฏิหาริย์ อีสตันบูล
วันนี้เราจะมาย้อนความทรงจำทที่นอดเยี้ยมอีกครั้งกับ “ปราฏิหาริย์ อีตันบูล” วันที้ 25 พฤษภาคม พ.ศ.2548 เป็นการแข่งขันฟุตบอลยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกรอบชิงชนเลิศระหว่าง ลิเวอร์พูล พบ เอซี มิลาน ที่สนาม อตาเติร์ก กรุง อีสตันบูลประเทศตุรกี เกมส์นัดนี้ถือว่าเป็นเกมส์ที่รอคอยมานานแสนนานของเหล่าสงวกหงส์แดง แต่ทว่ากองทับของหงส์แดงนั้นดูจะเสียเปรียบในทุกๆด้าน ทั้งสถิติโดยรวมของทีม รวมถึงตัวผู้เล่น แต่สิ่งที่ลิเวอร์พูลเชื่อว่าทีมตนทีมากกว่าก็คือแรกเชียร์ของแฟนบอลและความกระหายที่จะกลับมาเป็นเจ้ายูโรปอีกครั้งหนึ่ง เริ่มเกมส์!!! ดูเหมือน มิลาน จะไม่สนใจใดๆทั้งสิ้นเปิดเกมส์บุกเข้าใส่ลิเวอร์พูลอย่างที่เรียกว่าไม่ให้ตั้งตัวได้เลย คุมจังหวะของเกมส์ได้ทั้งหมดและทำประตูขึ้นนำไปก่อนจากกับตันทีม เปาโล เมาดินี่ และอีกหนึ่งลูกตามมาติดๆจาก เฮอร์นัน เคสโปร กองหน้าชาวอาเจนติน่า ดูเหมือนว่านักเตะของลิเวอร์นั้นแทบจะโงหัวไม่ขัน เล่นผิดพลาดกันทุกตำแหน่งจนรู้สึกตัวอีกที่เวลาในครึ่งแรกก็เกือนจะหมดอยู่แล้ว แต่ก็ด้วยความที่ มิลาน ในช่วงนั้นถือว่ามีกองหน้าที่โหดมากยิงประตูเป็นว่าเล่น เหลือเพียงอีก 4 นาทีของการแข่งขันในครึ่งแรกจะจบลง เฮอร์นัน เคสโปร เจ้าเดิมก็หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงประตูที่ 3 ทำให้เกมส์ในนัดนี้ดูเหมือนจะจบลงแล้ว จบครึ่งเวลาแรก ลิเวอร์พูตามหลังเอซี มิลาน 3-0 ทำเอาแฟนบอลเดอะคอปช็อคกับไปทั้งสนาม เริ่มเกมส์ครึ่งหลังเวลาเริ่มผ่านไปเลื่อยๆ ดูเหมือนเหล่านักเตะหงส์แดงเริ่มมีสติกับเกมส์มากขึ้นเวลาผ่านไปไม่นานยอดกับตันทีมอย่าง สตีเฟน เจอร์ราร์ด หม่งเข้าไปก้นตาข่ายของมิลาน ทำให้แฟนบอลส่งเสียงโห่ร้องดีใจกันทั้งสนาม มิหนำซ้ำอีก 5 นาทีหลังจากนั้น เวียร์อาร์เดอร์เมีย สมิสเซอร์ ชัดไกลกว่า 30 หลา ลูกบอลพุงเสียบเสาสองเข้าไปอย่างสวยงาม และเป็นเหล่าแฟนๆลิเวอร์พูลที่ได้เฮอีกครั้ง
ครั้งนี้ทำเอานักเตะของ เอซี มิลาน เป็นฝ่ายช็อคบ้างที่โดนยิง 2 ประตูรวดภายใน 10 นาที ณ นาทีนั้นสำหรับนักเตะลิเวอร์พูลคงไม่มีคำว่าแพ้อีกแล้ว พวกเขาทำทีมบุกเข้าใส่อย่างไม่ยั้ง และเป็น เจอร์ราร์ด ที่ถูกทำฟาลว์ในเขตุโทษ ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นจุดโทษทันที เป็น ซาบี้ อลอนโซ่ กองกลางตัวเก่งที่รับหน้าที่สงหารแล้วก็ไม่พลาด มันเป็นประตูที่ทำให้ทั้งสองทีมกลับมาเสมอกัน 3-3 จบเกมส์ทั้งส่องฝ่ายเสมอกันต้องต่อเวลาเป็น 120 นาที แต่ก็ยังไม่มีทีมไหนทำประตูเพิ่มได้ต้องตัดสินกันที่จุดโทษ สิ่งที่เห็นได้ชัดคือนักเตะของ มิลาน ดูไม่มีความมันใจกันไปหมดต่างกันกับนักเตะของลิเวอร์พูลที่มีความมันใจกันทุกคน พร้อมจะขึ้นแท่นคว้าถ้วยเชียเปี้ยนลีกกันจนรอไม่ไหวแล้ว จุดโทษยิงกันทั้งหมดทีมละ 5 คน ต่างฝ่ายต่างยิงเข้าใน 2 คนแรก จนมาถึงคนที่ 3 ของทีม เอซี มิลาน เป็น อังเดร์ ปิโร่ เป็นผู้สังหาร แต่ไม่สามารถผ่านมือนของ เจสซี่ ดูเด็ก นายด่านคนสำคัญของหงส์แดง ต่อมาเป็น ชีบิล ซิสเซ่ กองหน้าของลิเวอร์พูลเป็นคนเดินเข้าไปยิงเเล้วก็ไม่พลาด ขณะนั้น ลิเวอร์พูลนำอยู่ 3-2 และยิงน้อยกว่า 1 คน นั่นหมายความว่าถ้าผู้เล่นอีกหนึ่งคนของมิลานยิงไม่เข้า ลิเวอร์พูล ก็จะเป็นฝ่ายชนะทั้นที่ แล้วก็เป็น อังเดร เชฟเชงโก้ หัวหองของทีมเอซี มิลาน รับหน้าที่ออกมายิง และสิ่งที่สะกดคนมั้งโลกก็เกิดขึ้นเมื่อ “เจสซี่ ดูแด็ก” ป้องกันลูกยิงของเชฟเชงโก้ได้ ทำให้ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ เป็นแมทที่ผู้คนต่างพูกันว่ามันเป็นแมทแห่งโกงความตาย หรือ “ปราฏิหาริย์อีสตันบูล”