“เจอร์ราร์ด” หวังแชมป์ลีกกับเรนเจอร์สจะเยียวยาช็อตลื่นกับหงส์ได้
สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตั้งความหวังว่าการพา กลาสโกว์ เรนเจอร์ส คว้าแชมป์สก็อตติช พรีเมียร์ชิพ ในฤดูกาลนี้จะช่วยเยียวยาเหตุการณ์ลื่นล้มอันโด่งดังจนพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีกกับ ลิเวอร์พูล ในปี 2014 ได้
ลิเวอร์พูล เกือบจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นสมัยแรกในยุคที่ เจอร์ราร์ด ทำหน้าที่เป็นกัปตันทีมในปี 2014 แต่สุดท้ายก็อดคว้าแชมป์ไปอย่างสุดบอบช้ำโดยเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่แซงหน้าทิ้งห่างพวกเขา 2 แต้มได้แชมป์ไปในท้ายที่สุด
เหตุการณ์อันโด่งดังของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ในเกมที่ ลิเวอร์พูล พ่ายคาบ้านให้กับ เชลซี 2-0 กลายเป็นที่มาของการล้อเลียนจากแฟน ๆ ทั่วโลก แต่อดีตต้นสังกัดของเขาสามารถกลบปากเสียงวิจารณ์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและตอนนี้กำลังตังเป้าหมายคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 2 ติดต่อกัน
ตอนนี้ เรนเจอร์ส ที่คุมทีมโดย สตีเว่น เจอร์ราร์ด รั้งจ่าฝูงของ สก็อตติช พรีเมียร์ชิพ โดยทิ้งห่าง กลาสโกว์ เซลติก คู่ปรับร่วมเมืองมากถึง 16 คะแนน แม้ว่าทีมของ นีล เลนน่อน จะแข่งน้อยกว่า 3 เกมก็ตาม
“ใช่แล้ว มันเป็นแรงจูงใจอย่างแน่นอน การมีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นและดูว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรในช่วงท้ายอาชีพค้าแข้งกับลิเวอร์พูลของผมเป็นเรื่องจริงที่โหดร้ายสำหรับผม” เจอร์ราร์ด บอกกับ ดิ แอธเลติก
“ในฐานะกลุ่มและทีมและสโมสรมันเป็นความผิดหวังครั้งใหญ่เพราะเราเข้าใกล้มาก ๆ ความจริงที่ว่าพวกเขาคว้าแชมป์ตั้งแต่นั้นมาและเป็นแชมป์ปัจจุบันซึ่งเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับผมที่ได้เห็น มันช่วยและเยียวยาได้อย่างแน่นอน แต่จากมุมมองส่วนตัวแล้วการมีแรงจูงใหญ่อย่างสูงสุดของผมในฐานะโค้ชและผู้จัดการทีมแล้วแน่นอนว่ามันจะมีส่วนเยียวยา“
“ถ้วยแชมป์ครั้งต่อไปจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ เรนเจอร์ส มันมีขวากหนามมากมายสำหรับความก้าวหน้า สถิตินี้ช่วยให้คุณดูดีเมื่อมานั่งอ่านในแต่ละปี แต่ความจริงก็คือเราต้องคว้าแชมป์ สโมสรแห่งนี้สร้างขึ้นจากความสำเร็จ เป็นสโมสรเก่าแก่แบบดั้งเดิมและมีจุดเด่นและความรับผิดชอบในการคว้าแชมป์ ความก้าวหน้ายังไม่เพียงพอ สถิติยังไม่เพียงพอ คุณต้องคว้าแชมป์ด้วย มันง่าย ๆ แบบนั้นเลย“
“จุดมุ่งหมายหลักในปีแรกของผมคือพยายามสร้างความภาคภูมิใจและเคารพกลับมา พวกเขาประสบกับความพ่ายแพ้แบบขาดลอยในบางเกม ผู้เล่นปวดเจ็บ แฟนบอลก็เจ็บปวด เราทำให้แฟน ๆ ยิ้มได้อีกครั้ง รู้สึกถึงความเชื่อมั่น เราแสดงให้เห็นการปรับปรุงในปีแรก ในปีที่สองเราแสดงให้เห็นว่าเราสามารถลุ้นแชมป์ได้ และในปีที่สามความท้าทายก็คือ ‘เราจะอยู่ที่นั่นและความท้าทายจะมาถึงตอนจบของฤดูกาลได้หรือไม่?’ “